Kiss The Rain

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พื้นที่ ... จำักัดความ


พื้นที่...จำกัดความ

THERE IS NO SPACE FOR ME







สิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่บนโลกใบนี้ย่อมเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ เมื่อมีแรงกด
 มันก็จะเกิดแรงดันออกไป ซึ่งคิดว่าหากเราเชื่อมั่นในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย
ที่มีความเข้มแข็ง เรื่องการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง สามารถดำรงอยู่ได้ 
พูดคุยกันได้ ภายใต้กฎกติกาของสังคมที่ยอมรับร่วมกัน 
โดยเป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส 
( จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท )



เนื้อข่าว

ยืนคุก8เดือน!'บก.เว็บประชาไท'หมิ่น

ศาลอุทธรณ์ยืนคุก 8 เดือน 'บก.เว็บประชาไท'หมิ่นเบื้องสูง
ปรับ 20,000 บาท รอลงอาญา 1 ปี



                 8 พ.ย.56 เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1167/2553 
        ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์ (เว็บมาสเตอร์)
        ประชาไท อายุ 41 ปี เป็นจำเลยนความผิดฐาน กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
        พ.ศ.2550
     โดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2553 ระบุความผิดจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 
3 พ.ย.2551 ต่อเนื่องกัน จำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแล (Web master) เว็บไซต์ประชาไท ได้จงใจสนับสนุน
หรือยินยอมให้มีการโพสต์ข้อมูลที่มีเนื้อหาเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เกี่ยวกับความมั่นคง
แห่งราชอาณาจักร จำนวน 10 กระทู้ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ในความควบคุมของจำเลย 
เหตุเกิดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แขวงจอมพล เขตจตุจักร, แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
และทั่วราชอาณาจักรไทย เกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธ
      ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2555 ว่า จำเลยมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 
มาตรา 14 อนุ 3 และ 15 ให้จำคุก 1 ปี และปรับ 30,000 บาท ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์
แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลา 8 เดือน และปรับ 20,000 บาท
 และเนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุก
จึงให้รอลงอาญา 1 ปี ต่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักและไม่รอการลงโทษ ขณะที่จำเลย
ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี





วิเคราะห์ข่าว


พื้นที่ของกฎหมาย

          คุณจีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท ได้มีการยินยอมให้มีการโพสต์ข้อมูลที่มีเนื้อหาเป็นการ
ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ลงในเว็บไซต์ ซึ่งขัดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วย
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ

มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท 
หรือทั้งจำทั้งปรับ

(1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบาง ส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความ
มั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือ
ความผิดเกี่ยวกับการ ก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น
ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (1)(2) (3) หรือ (4) 

มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบ
คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมา



พื้นที่ของสังคม

     ผมคิดว่าทุกสังคมมีบริบททางสังคม การเมือง เศรษฐกิจที่แตกต่างกันไป สื่อมวลชนมีหน้าที่เผยแพร่ 
ให้ข้อมูลความรู้ ข้อเท็จจริงแก่ประชาชน มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น สื่อบางสื่อจึงต้องการพื้นที่ในการ
แสดงความคิดเห็นต้องการอิสระ ไม่ต้องการที่จะโดนจำกัดเสรีภาพ แต่เราก็ต้องเข้าใจบริบทของสังคมไทย
ที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็น สถาบันที่รักและเคารพยิ่งของประชาชนชาวไทย เป็นสถาบันที่รวมใจของ
คนทั้งชาติ เป็นสถาบันเบื้องสูงที่อยู่ภายใต้กฎหมายแต่มิควรจาบจ้วง หรือหมิ่นสถาบัน
 เพราะอาจทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ขัดต่อกฎหมายและกฎของสังคมที่อยู่ร่วมกัน
และคิดคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมให้มากไม่ขัดต่อจริยธรรมของสื่อมวลชนเอง

     แต่อย่างไรก็ตามอีกมุมหนึ่ง ปัญหาความขัดแย้งในสังคมที่เกิดขึ้น คือปัญหาที่คนที่มีความคิดแตกต่าง
ไม่มีที่ทางหรือพื้นที่ในการแสดงความเห็นใช่หรือไม่ ผมเคยอ่านข้อความหนึ่งที่ว่า เมื่อไรก็ตามที่คน
          ในสังคมรู้สึกว่าไม่สามารถพูดกันได้ เมื่อนั้นความรุนแรงจะเกิดขึ้น เราจะเห็นได้ว่า สังคมไทยยังขาด
        การเรียนรู้ประสบการณ์ในการโต้แย้ง หรือยอมรับเสียงที่แตกต่างอย่างให้เกียรติกัน

     จากข่าวการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เบื้องต้นก็ทำให้เราเรียนรู้ร่วมกันว่า การแสดงออกทาง
ความคิดบนโลกอินเตอร์เน็ตที่ยิ่งเติบโตและเปิดกว้างมากขึ้นเท่าไหร่ การแสดงความคิดเห็นต่างๆก็ควร
มีการไตร่ตรองต่อบริบททางสังคมให้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น สิ่งไหนถูกหรือผิด สิ่งไหนควรหรือไม่ควร
ความเหมาะสมของความคิดนั้นๆที่ถือเป็นรากฐานของการพัฒนา การเติบโตของประชาธิปไตย 
และผมก็มองว่าคนเรามีสิทธิ มีอำนาจในการเลือกคิด เลือกแสดงความเห็นได้ มีเสรีภาพในกรอบของกฎหมาย 
ตราบเท่าที่ไม่ไปได้ว่าร้ายใส่ร้ายใคร หรือมีจุดประสงค์เพื่อทำลายสังคมก็ย่อมทำได้







ขอขอบคุณ 

http://www.localtalk2004.com

http://www.komchadluek.net/