พื้นที่...จำกัดความ
THERE IS NO
SPACE FOR ME
“ สิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่บนโลกใบนี้ย่อมเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ
เมื่อมีแรงกด
มันก็จะเกิดแรงดันออกไป
ซึ่งคิดว่าหากเราเชื่อมั่นในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย
ที่มีความเข้มแข็ง
เรื่องการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง สามารถดำรงอยู่ได้
พูดคุยกันได้
ภายใต้กฎกติกาของสังคมที่ยอมรับร่วมกัน
โดยเป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส”
( จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท )
เนื้อข่าว
ยืนคุก8เดือน!'บก.เว็บประชาไท'หมิ่น
ศาลอุทธรณ์ยืนคุก 8 เดือน 'บก.เว็บประชาไท'หมิ่นเบื้องสูง
ปรับ 20,000 บาท
รอลงอาญา 1 ปี
8 พ.ย.56
เมื่อเวลา 10.00 น.
ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1167/2553
ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา
8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์
(เว็บมาสเตอร์)
ประชาไท อายุ 41 ปี เป็นจำเลยนความผิดฐาน
กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ.2550
โดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2553
ระบุความผิดจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย.
– 3 พ.ย.2551 ต่อเนื่องกัน
จำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแล (Web master) เว็บไซต์ประชาไท
ได้จงใจสนับสนุน
หรือยินยอมให้มีการโพสต์ข้อมูลที่มีเนื้อหาเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
เกี่ยวกับความมั่นคง
แห่งราชอาณาจักร จำนวน 10 กระทู้
เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ในความควบคุมของจำเลย
เหตุเกิดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แขวงจอมพล เขตจตุจักร, แขวงวังใหม่
เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
และทั่วราชอาณาจักรไทย เกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธ
ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2555
ว่า จำเลยมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
มาตรา 14 อนุ 3 และ 15 ให้จำคุก 1
ปี และปรับ 30,000 บาท
ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์
แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน
3 คงจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลา 8 เดือน
และปรับ 20,000 บาท
และเนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน
เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุก
จึงให้รอลงอาญา 1 ปี ต่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักและไม่รอการลงโทษ
ขณะที่จำเลย
ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี
วิเคราะห์ข่าว
พื้นที่ของกฎหมาย
คุณจีรนุช เปรมชัยพร
ผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท ได้มีการยินยอมให้มีการโพสต์ข้อมูลที่มีเนื้อหาเป็นการ
ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ลงในเว็บไซต์ ซึ่งขัดต่อพ.ร.บ.ว่าด้วย
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ
มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
(1)
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบาง ส่วน
หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์
อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(2)
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความ
มั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ
ตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(3)
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ
อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือ
ความผิดเกี่ยวกับการ
ก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(4)
นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น
ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(5)
เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม
(1)(2) (3) หรือ
(4)
มาตรา 15 ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา
14 ในระบบ
คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน
ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมา
พื้นที่ของสังคม
ผมคิดว่าทุกสังคมมีบริบททางสังคม การเมือง เศรษฐกิจที่แตกต่างกันไป
สื่อมวลชนมีหน้าที่เผยแพร่
ให้ข้อมูลความรู้ ข้อเท็จจริงแก่ประชาชน
มีสิทธิในการแสดงความคิดเห็น สื่อบางสื่อจึงต้องการพื้นที่ในการ
แสดงความคิดเห็นต้องการอิสระ
ไม่ต้องการที่จะโดนจำกัดเสรีภาพ แต่เราก็ต้องเข้าใจบริบทของสังคมไทย
ที่สถาบันพระมหากษัตริย์เป็น
สถาบันที่รักและเคารพยิ่งของประชาชนชาวไทย เป็นสถาบันที่รวมใจของ
คนทั้งชาติ
เป็นสถาบันเบื้องสูงที่อยู่ภายใต้กฎหมายแต่มิควรจาบจ้วง หรือหมิ่นสถาบัน
เพราะอาจทำให้เกิดความแตกแยกของคนในชาติ ขัดต่อกฎหมายและกฎของสังคมที่อยู่ร่วมกัน
และคิดคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมให้มากไม่ขัดต่อจริยธรรมของสื่อมวลชนเอง
แต่อย่างไรก็ตามอีกมุมหนึ่ง ปัญหาความขัดแย้งในสังคมที่เกิดขึ้น
คือปัญหาที่คนที่มีความคิดแตกต่าง
ไม่มีที่ทางหรือพื้นที่ในการแสดงความเห็นใช่หรือไม่
ผมเคยอ่านข้อความหนึ่งที่ว่า ‘เมื่อไรก็ตามที่คน
ในสังคมรู้สึกว่าไม่สามารถพูดกันได้
เมื่อนั้นความรุนแรงจะเกิดขึ้น’ เราจะเห็นได้ว่า
สังคมไทยยังขาด
การเรียนรู้ประสบการณ์ในการโต้แย้ง หรือยอมรับเสียงที่แตกต่างอย่างให้เกียรติกัน
จากข่าวการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เบื้องต้นก็ทำให้เราเรียนรู้ร่วมกันว่า
การแสดงออกทาง
ความคิดบนโลกอินเตอร์เน็ตที่ยิ่งเติบโตและเปิดกว้างมากขึ้นเท่าไหร่ การแสดงความคิดเห็นต่างๆก็ควร
มีการไตร่ตรองต่อบริบททางสังคมให้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น
สิ่งไหนถูกหรือผิด สิ่งไหนควรหรือไม่ควร
ความเหมาะสมของความคิดนั้นๆที่ถือเป็นรากฐานของการพัฒนา
การเติบโตของประชาธิปไตย
และผมก็มองว่าคนเรามีสิทธิ
มีอำนาจในการเลือกคิด เลือกแสดงความเห็นได้ มีเสรีภาพในกรอบของกฎหมาย
ตราบเท่าที่ไม่ไปได้ว่าร้ายใส่ร้ายใคร
หรือมีจุดประสงค์เพื่อทำลายสังคมก็ย่อมทำได้
ขอขอบคุณ
http://www.localtalk2004.com
http://www.komchadluek.net/
“ สิ่งเกิดขึ้นตั้งอยู่บนโลกใบนี้ย่อมเป็นไปตามกฎของธรรมชาติ
เมื่อมีแรงกด
มันก็จะเกิดแรงดันออกไป
ซึ่งคิดว่าหากเราเชื่อมั่นในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย
ที่มีความเข้มแข็ง
เรื่องการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง สามารถดำรงอยู่ได้
พูดคุยกันได้
ภายใต้กฎกติกาของสังคมที่ยอมรับร่วมกัน
โดยเป็นไปอย่างเปิดเผย โปร่งใส”
( จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์ประชาไท )
8 พ.ย.56 เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1167/2553
ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ผู้ดูแลเว็บไซต์ (เว็บมาสเตอร์)
ประชาไท อายุ 41 ปี เป็นจำเลยนความผิดฐาน กระทำผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
พ.ศ.2550
โดยคดีนี้อัยการยื่นฟ้อง เมื่อวันที่ 31 มี.ค.2553
ระบุความผิดจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 15 เม.ย.
– 3 พ.ย.2551 ต่อเนื่องกัน
จำเลยซึ่งเป็นผู้ดูแล (Web master) เว็บไซต์ประชาไท
ได้จงใจสนับสนุน
หรือยินยอมให้มีการโพสต์ข้อมูลที่มีเนื้อหาเป็นการดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์
เกี่ยวกับความมั่นคง
แห่งราชอาณาจักร จำนวน 10 กระทู้
เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งอยู่ในความควบคุมของจำเลย
เหตุเกิดที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แขวงจอมพล เขตจตุจักร, แขวงวังใหม่
เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
และทั่วราชอาณาจักรไทย เกี่ยวพันกัน จำเลยให้การปฏิเสธ
ซึ่งศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 30 พ.ค.2555
ว่า จำเลยมีความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
มาตรา 14 อนุ 3 และ 15 ให้จำคุก 1
ปี และปรับ 30,000 บาท
ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์
แก่การพิจารณาบ้าง ลดโทษให้ 1 ใน
3 คงจำคุกจำเลยไว้เป็นเวลา 8 เดือน
และปรับ 20,000 บาท
และเนื่องจากจำเลยไม่เคยกระทำผิดมาก่อน
เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวเป็นพลเมืองดี โทษจำคุก
จึงให้รอลงอาญา 1 ปี ต่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์ขอให้ลงโทษสถานหนักและไม่รอการลงโทษ
ขณะที่จำเลย
ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี
อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
มั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความ ตื่นตระหนกแก่ประชาชน
ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
คอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมา
ในสังคมรู้สึกว่าไม่สามารถพูดกันได้ เมื่อนั้นความรุนแรงจะเกิดขึ้น’ เราจะเห็นได้ว่า สังคมไทยยังขาด
การเรียนรู้ประสบการณ์ในการโต้แย้ง หรือยอมรับเสียงที่แตกต่างอย่างให้เกียรติกัน
จากข่าวการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์เบื้องต้นก็ทำให้เราเรียนรู้ร่วมกันว่า
การแสดงออกทาง
ความคิดบนโลกอินเตอร์เน็ตที่ยิ่งเติบโตและเปิดกว้างมากขึ้นเท่าไหร่ การแสดงความคิดเห็นต่างๆก็ควร
มีการไตร่ตรองต่อบริบททางสังคมให้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น
สิ่งไหนถูกหรือผิด สิ่งไหนควรหรือไม่ควร
ความเหมาะสมของความคิดนั้นๆที่ถือเป็นรากฐานของการพัฒนา
การเติบโตของประชาธิปไตย
และผมก็มองว่าคนเรามีสิทธิ
มีอำนาจในการเลือกคิด เลือกแสดงความเห็นได้ มีเสรีภาพในกรอบของกฎหมาย
ตราบเท่าที่ไม่ไปได้ว่าร้ายใส่ร้ายใคร
หรือมีจุดประสงค์เพื่อทำลายสังคมก็ย่อมทำได้






