Kiss The Rain

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

แหล่งเรียนรู้



คีรีวง ... ภูมิปัญญาแห่งขุนเขา
________________

    สวัสดีครับท่านผู้อ่าน วันนี้ผมขอนำพาไปสู่แหล่งเรียนรู้ที่บ้านเกิดของผมเองนั่นคือจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่พร้อมไปด้วยธรรมชาติอันหลากหลาย ทะเล ภูเขา ป่า น้ำตก และอื่นๆอีกมากมาย แต่มีอยู่ที่ที่หนึ่งได้ถูกกล่าวขานว่าเป็นสถานที่ที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทยหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขา อุดมไปด้วยความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและภูมิปัญญาชาวบ้าน นั่นก็คือ หมู่บ้านคีรีวง อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช 





       ผมเองเป็นเด็กนคร หรือที่ใครๆก็เรียกว่าเด็กคอน เติบโตอยู่ในอำเภอเมืองที่ไม่ค่อยมีธรรมชาติมากนัก แต่เมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมานี้ ผมได้มีโอกาสกลับบ้านและได้ไปเที่ยวค้างคืนที่บ้านเพื่อน อยู่ต่างอำเภอลึกเข้าไปในความเขียวครึ้ม กลางวงล้อมแห่งเทือกเขาหลวง ที่เป็นเสมือนหลังคาของแดนดินแห่งนี้ หมู่บ้านคีรีวง ก้าวแรกที่มาสัมผัสที่นี่ทำไมอากาศดีเหลือเกิน ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านหลายคนมีชีวิตที่ไม่ต้องรีบเร่ง มีชีวิตที่เลี้ยงตัวเองได้ด้วยความพอเพียง ด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่น อยู่กับธรรมชาติอันแท้จริง ทำให้ผมนั้นเชื่อเหลือเกินว่า คำว่าวิถีชีวิตและการดิ้นรนต่อสู้ของคนคีรีวง คงจะเป็นเส้นทางที่มาดมั่นก้าวไปกับทางแห่งความสุขที่ก่อตัวขึ้นกับธรรมชาติและภูมิปัญญาในหุบเขาแห่งนี้ 





        หมู่บ้านคีรีวงเคยประสบภัยจากน้ำท่วมใหญ่  เนื่องจากที่ตั้งของหมู่บ้านอยู่ในหุบเขา แล้ววันหนึ่งเมื่อฝนตกหนัก น้ำจากเขาสูงก็ไหลบ่าเข้าถล่มหมู่บ้าน เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและบ้านเรือน จนเกิดร่องน้ำซึ่งกลายเป็นแม่น้ำเล็กๆ สายหนึ่งผ่ากลาง แบ่งหมู่บ้านเป็นสองฝั่งร่องน้ำ  นั่นก็คือสายคลองท่าดี ที่มีหินใหญ่น้อยเรียงรายกันเต็มไปหมด น้ำใสหลากไหลตัวเองมาจากเขาสูง  เป็นสายน้ำอันอุดมสมบูรณ์ ที่ไม่ว่าใครก็ตามที่มาถึงคีรีวง เป็นต้องยืนมองคลองสายกว้างที่ไหลแทรกผ่านกลางหมู่บ้าน เป็นที่ที่เด็ก ๆได้ เริงร่าเล่นน้ำ สายตาทอดยาวไปด้านหลังของสายคลองท่าดี ก็จะเห็นเทือกเขาหลวงอันเขียวเข้มของผืนป่าและขุนเขาอันเป็นบ้านที่แท้จริงของคนคีรีวง ผมมองว่าความสูญเสียในครั้งนั้นก็มีด้านหนึ่งที่สูญหายไป โศกเศร้าเสียใจคนที่นี่ก็เช่นกัน แต่เมื่อคนเรานั้นได้ผ่านห้วงเวลาที่เลวร้าย เราจะเติบโตและแกร่งขึ้น ทำให้คนที่คีรีวงเขาเลือกกลับมาดูแลตนเอง เริ่มการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง เริ่มการรวมกลุ่มนำเอาภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีมาสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับตนเอง เลือกที่จะดูแลป่าเขา ไม่ทำลายบุกรุกผืนป่าเพื่อทำสวนผลไม้ ยอมรับกับผลผลิตที่ไม่ได้มากขึ้น หันมารวมกันในลักษณะกลุ่มอาชีพ และในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ คืออีกหนึ่งหนทางที่เปลี่ยนให้ผู้คนรู้จักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติแห่งขุนเขา






      หลายคนคงสงสัยว่าหมู่บ้านคีรีวงที่ผมเกริ่นมาซะยาวเกี่ยวอะไรกับการเป็นแหล่งเรียนรู้ ผมจะพาไปพบคำตอบกันครับ ด้วยที่หมู่บ้านคีรีวงตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และชาวบ้านที่นี่นั้นก็ยังมีภูมิปัญญาชาวบ้านที่น่าสนใจ ที่หาเรียนรู้ได้ยาก แต่สามารถเรียนรู้ได้จากชาวบ้านคีรีวง


      กลุ่มมัดย้อม ของบ้านคีรีวง เมื่อเดินเข้ามาจะได้กลิ่นแปลกๆที่ผมยังจำได้จนถึงทุกวันนี้ มีการต้มใบไม้ลงในหม้อ น้ำค่อย ๆ เข้มสีเขียวขึ้นตามอุณหภูมิ เพื่อมาเป็นสีสันในการย้อมสี ผ้ามัดย้อมที่มีตัวหนีบแขวนเรียงราย รอเวลาแห้งเพื่อเปลี่ยนเป็นผ้าทอผืนสวยด้วยสีสันจากป่าเขา ที่ชาวบ้านสร้างสรรค์ขึ้นมาจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ สีที่ย้อมจะเป็นสีธรรมชาติจากต้นไม้ที่มีอยู่ในหมู่บ้าน มีสีกว่าพันสีที่ถูกสรรสร้างจากต้นไม้ ใบไม้ ในชุมชน ลายมัดย้อมเกิดจากการคิดประดิษฐ์อย่างสร้างสรรค์ ด้วยไม้ใผ่และหนังยาง เมื่อได้เห็นและสัมผัสแล้ว ทำให้ผมรู้ว่าชาวบ้านที่นี่เก่งจริงๆ




        กลุ่มลูกไม้  ชิ้นงานที่เกิดจากของเหลือจากป่าที่อยู่ในหมู่บ้านนั่นเอง เก็บลูกไม้ เศษหิน กรวด นำมาถักเชือกเข้ากับวัตถุดิบจากป่าเขา ผมได้มีโอกาสนั่งดูพี่เขาถักเชือกล้อมลูกไม้ต่างๆนานา มันกลายเป็นกำไล สร้อยคอ แหวนและอื่นๆได้อย่างน่าทึ่ง แม้กระทั่งลูกไม้ เศษหินต่างๆยังมีค่า สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จริงๆจากกลุ่มลูกไม้จริงๆคือนัยยะสำคัญของการใช้ชีวิตอีกอย่างนึงก็คือ การที่เราเห็นคุณค่าของสรรพสิ่งบนโลกนี้ ไม่มีอะไรด้อยค่ากว่าสิ่งใด ทุกอย่างมีคุณค่าในตนเอง ตั้งแต่เศษดิน ต้นไม้ใหญ่ หรือกระทั่ง ลูกไม้ เศษหิน ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้มาประกอบเป็นองค์รวมของโลกนี้ เราเองก็คงอยู่ไม่ได้





        กลุ่มสมุนไพร ที่โด่งดังที่สุดคงจะเป็น สบู่เปลือกมังคุด ที่ผมได้เห็นขั้นตอนการทำแล้วนั้นยากมากกว่าจะได้มาสักก้อนหนึ่ง สบู่เปลือกมังคุดที่นี่มีการทำการตลาดอย่างดี และบรรจุภัณพ์ที่ดูผ่านการสร้างสรรค์ด้วยเอกลักษณ์ของชุมนุม โดยเห็นได้จากป้ายและโล่ห์รางวัลต่างๆที่ทางกลุ่มนั้นได้รับ นับเป็นเรื่องน่ายินดีเป็นแรงเสริมให้ชาวบ้านคีรีวง มุ่งพัฒนาและนำเสนอภูมิปัญญาชาวบ้านให้ไปไกลสู่สากล ผมรู้สึกอิ่มเอมใจมากและรู้สึกอดภูมิใจไม่ได้ ที่ตัวเองนั้นเกิดเป็นลูกหลานของชาวคีรีวงคนหนึ่งเช่นกัน 




        กลุ่มผลไม้ สวนผลไม้ที่คีรีวงค่อนข้างจะแตกต่างจากที่อื่นตรงที่ ที่อื่นจะเป็นสวนแบบปลูกอะไรก็คือชนิดเดียวทั้งสวนไปเลย แต่ที่นี่สวนผลไม้จะผสมกันหลากหลายชนิดในสวนเดียว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า สวนสมรม คือการปลูกผลไม้ชนิดต่างๆแทรกตัวกันไป เวลาผลผลิตแต่ละฤดูกาลจะได้แตกต่างกันออกไปในพื้นที่เดียวกันและจำกัดในการไม่บุกรุกผืนป่าเทือกเขาหลวง 







หมู่บ้านคีรีวงกับการบูรณาการการเรียนการสอน 

       ผมมองว่าหมู่บ้านคีรีวงเป็นแหล่งเรียนรู้ที่สามารถนำไปปรับใช้กับการเรียนการสอนได้ในระดับชั้นมัธยมศึกษา เรียนรู้ลักษณะของภูมิปัญญาท้องถิ่นที่จะนำไปสู่การเรียนการสอน เป็นองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีส่วนของคุณธรรม จริยธรรมสอดแทรกอยู่ด้วย เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ประโยชน์สุขให้แก่ผู้เรียนและสังคมอย่างสอดคล้องกับธรรมชาติ อีกทั้งกระบวนการการเรียนการสอน ควรป็นการผสมผสานระหว่างความรู้สากลกับความรู้ท้องถิ่นให้ผู้เรียนได้คิดอย่างเป็นอิสระ  คิดได้หลายมุม สรุปเป็นความรู้และประสบการณ์ที่จะใช้ในการดำรงชีวิต โดยที่หมู่บ้านคีรีวงมีภูมิปัญญาชาวบ้านที่หลากหลาย สามารถให้ผู้เรียนเข้าไปศึกษาหาความรู้ สัมผัสและลงมือปฏิบัติได้จริง ชุมชนจะเป็นกลไก ให้ความรู้เกี่ยวกับความหมาย ความสำคัญของภูมิปัญญาชาวบ้านเพื่อสร้างความตระหนักในคุณค่า เกิดเจตคติที่จะร่วมกันรับผิดชอบ ในฐานะเป็นสมบัติของทุกคนที่จะร่วมกันอนุรักษ์ให้คงอยู่ ฟื้นฟูและพัฒนาอย่างเหมาะสม ปลูกฝังความรักความหวงแหนในคุณค่าและเอกลักษณ์ของภูมิปัญญาชาวบ้านว่าเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ เข้าใจเกี่ยวกับ ความคิด  ความเชื่อและหลักการ  ที่เป็นพื้นฐานขององค์ความรู้ภูมิปัญญาชาวบ้านที่ถ่ายทอดกันมา การประกอบอาชีพในแต่ละท้องถิ่นที่ได้รับการพัฒนาให้เหมาะสมกับสมัย และแนวคิดหลักปฏิบัติ เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ชาวบ้านนำมาใช้ในชุมชน  ซึ่งเป็นอิทธิพลของความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

 ... ตัวตนของสะพานคือการก้าวข้าม พ้นผ่าน และเชื่อมโยงสองฟากฝั่งเข้าหากัน บางครั้งสะพานของคนที่นี่นั้นมีมาแล้วเนิ่นนาน สะพานที่เชื่อมชีวิตเข้ากับธรรมชาติอย่างกลมกลืน นำพาความสุขและความมั่นคงให้หลากไหลถ่ายเท เชื่อมโลกใบเล็กหลายใบเข้าด้วยกัน รวมถึงบอกกับโลกภายนอกด้วยว่าความสุขจริงแท้นั้นคือหนึ่งเดียว อาจต่างกันสักหน่อยตรงที่สะพานแห่งนี้มีทิศทางเป็นแนวตั้ง หยัดยืนขึ้นอย่างมั่นคง ยิ่งใหญ่ และอบอุ่น สะพานที่ซ่อนอยู่ในขุนเขา คีรีวง ... 










___________________________

         คีรีวง หมู่บ้านเล็ก ๆ เชิงเขาหลวงอันแสนยิ่งใหญ่ มากมายเรื่องราวความผูกพันของคนกับภูเขา เปี่ยมไปด้วยความงดงามของวิถีชีวิต สายน้ำตก เส้นทางเที่ยวป่า หรือบรรยากาศอันร่มรื่นยามอยู่ในตัวหมู่บ้าน เป็นหมู่บ้านแห่งการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง


         คีรีวงเป็นหมู่บ้านที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ จนได้รับรางวัลยอดเยี่ยมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว (Thailand Tourism Awards) ประจำปี พ.ศ.2541 ประเภทเมืองและชุมชน นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชุมชนคีรีวงได้ตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในฤดูกาลผลไม้ออกชุกช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน

        การเดินทางจากตัวเมืองนครศรีธรรมราช ใช้ทางหลวงหมายเลข 4016 จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4015 บริเวณกิโลเมตรที่ 9 เลี้ยวขวาเข้าหมู่บ้านคีรีวงไปอีก 9 กิโลเมตร หรือโดยรถสองแถวจากตลาดยาว ในอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช มีรถออกตั้งแต่เวลา 07.00 – 16.00 น. ค่าโดยสารคนละ 20 บาท 






 ... มหัศจรรย์คีรีวง ...




ขอขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมนอกเหนือจากการไปเจอประสบการณ์จริง : http://www.kiriwongtour.com 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น